ถึงเวลาจากลา เอ็ด วู้ดเวิร์ด รองประธานบริหารของ “ปีศาจแดง” แมนฯ ยูไนเต็ด สโมสรดังที่ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก้าวลงจากตำแหน่งในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด อย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันอังคารที่ 1 ก.พ. ก่อนหน้าที่ผ่านมา
โดย ผู้บริหารวัย 50 ปี เข้ามาเป็นบอร์ดบริหารของสโมสรเมื่อปี 2005 และถือว่ามีหน้าที่สำคัญอย่างมากมายต่อเชื้อสายเกลเซอร์ สำหรับเพื่อการซื้อสโมสร ก่อนได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่แทน เดวิด กิลล์ เมื่อปี 2013
แต่ตลอดการดำเนินงานในตอนก่อนหน้าที่ผ่านมาถือว่าขัดใจแฟนบอลอยู่พอสมควรในเรื่องของแนวนโยบายการเสริมทัพที่มักไม่อาจจะหานักฟุตบอลประสิทธิภาพเข้ามาสู่ทีมได้อย่างที่จะต้องเป็น แถมบางรายยังโดนขึ้นราคาสูงจนถึงเกินจริงดังเช่น มารูยาน เฟลไลนี่, อังเคล ดิ มาเรีย, เมฟิส เดอปาย, เฟร็ด และ แฮร์รี่ แม็กไกวร์
นอกจากนั้นในตอนที่เจ้าตัวอยู่บริหารทีม “ปีศาจแดง” ไม่อาจจะคว้าแชมป์ลีกมาครองได้เลยตลอด 9 ปี โดยมีเพียงแต่แชมป์ เอฟเอคัพ ในยุคของ หลุย|ส์ ฟาน กัล เมื่อปี 2016 และ แชมป์ลีกคัพ และ ยูโรปาลีก ในปี 2017 ภายใต้การคุมทัพของ โชเซ่ มูรินโญ่
แม้กระนั้นเจ้าตัวไปถึงเป้าหมายสำหรับเพื่อการบริหารสโมสรในเรื่องของการตลาด ภายหลังที่สามารถเพิ่มราคาของสมาพันธ์ได้สูงทะลุ 2.4 พันล้านปอนด์ในตอนนี้ เรียกว่ามากมายจากเดิมถึง 3 เท่า ก่อนจะเข้ามารับงานดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น

“ผมกระหยิ่มใจที่ได้รับใช้ แมนฯ ยูไนเต็ด และนับเป็นเกียรติที่ได้ดำเนินงานให้กับสโมสรฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกมานาน 16 ปี ผมมีความทรงจำในขณะที่เราได้แชมป์ ยูโรปา ลีก เอฟเอคัพ และลีกคัพ”
“เราลงทุนเกินกว่า 1พันล้านปอนด์ ในตอนช่วงเวลาของผม และผมดีใจที่ได้มองเห็นวิวัฒนาการของนักฟุตบอลในยุคของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา และทีมงานของเขาในรอบสองปีที่ล่วงเลยไป” เอ็ด วู้ดเวิร์ด กล่าว
ในการก้าวลงจากตำแหน่งในคราวนี้สืบเนื่องมาจากการที่เจ้าตัวเป็นเยี่ยมในแกนนำที่แอบตั้ง ยูโรเปี้ยนซูเปอร์ลีก ร่วมกับ 12 สมาพันธ์ยักษ์ใหญ่ของยุโรปเมื่อปีก่อน จนถึงถูกต้านจากแฟนบอลและต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก ซึ่ง ริชาร์ด อาร์โนลด์ กรรมการผู้จัดการจะมารับหน้าที่นี้แทน